top of page

History of World Gas Co., Ltd. (World L.P.G. Group Co., Ltd.).

Updated: Nov 15, 2021



"เมื่อนายประวิตร วิรานุวัตร ต้องออกจากโรงเรียนมาอยู่กับบ้านเพื่อช่วยพ่อแม่ทำงานที่ห้องแถวไม้ เยื้องซอยศรีมงคล แต่ต้องเอาของไปขายที่อื่นทุกวัน โดยอาศัยมุมหนึ่งของร้านเถ้าแก่โป่ฮงเป็นที่ขายของ วันหนึ่งเกิดเพลิงไห้มครั้งใหญ่ในตลาดชลบุรี ร้านที่ได้อาศัยเถ้าแก่โป่ฮงขายของก็พลอยหมดไปด้วย เมื่อมีการปลูกสร้างใหม่ จึงไม่ได้กลับไปอยู่กับเถ้าแก่โป่ฮงอีก นายเง็กเกีย ( พ่อ ) ได้เซ้งร้านเล็ก ๆ ลึกประมาณ ๑๐ เมตร เป็นห้องแถวหน้าตลาดทรัพย์สินในเมืองชลบุรีเป็นที่ค้าขายของตัวเอง นับเป็นบ้านที่สองที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อแม่ ณ ที่นี่เอง เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตธุรกิจ ของนายประวิตร อย่างเต็มตัว


ในช่วงเวลานั้น นายประวิตรเห็นว่าห้องแถวที่พ่อตนเองได้เซ้งไว้ ใช้ประโยชน์หน้าร้านเพียงนิดเดียว จึงได้นำถุงพลาสติกมาจำหน่ายเพิ่ม ด้วยความที่เป็นคนช่างคิด จึงพยายามมองหาลู่ทางว่า ถ้าขายเพียงแค่ถุงพลาสติกก็คงไปได้ไม่เท่าไหร่ ถ้าได้เป็นผู้ผลิต คือตั้งโรงงานทำถุงพลาสติกขนาดย่อมเองน่าจะดีกว่า อีกทั้งยังไปดูโรงงานทำกุนเชียงที่โคราช ไปดูโรงงานทำไส้กรอกหมูตัวเดียวแถวเอกมัย แต่ทุกอย่างมันก็เป็นเพียงความฝัน เพราะตัวเองไม่มีทุนและจะทำอะไรพ่อก็คงไม่เห็นด้วย จึงต้องล้มความคิดไป แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะทำอะไรก็ได้ให้เป็นของตัวเอง จึงไปผ่อนรถสองแถว ๑ คัน แล้วจ้างคนขับรถขับเวลากลางวัน พอตกกลางคืน ไม่ต้องช่วยพ่อแม่ทำงานแล้ว ก็ออกไปขับรถเองหารายได้พิเศษ สุดท้ายต้องขายรถทิ้งไปเนื่องจากไม่สามารถควบคุมรายได้ ไม่คุ้มทุน จากนั้นก็เปลี่ยนแนวความคิดใหม่ ไปผ่อนรถเก๋งอีกหนึ่งคัน เข้าร่วมคิวแท็กซี่ ชลบุรี - สัตหีบ มีคนขับ เป็นลูกจ้างคนแรกคือ นายสมคิด เวศรานุรักษ์ ( ซึ่งถือเป็นคนเก่าคนแก่ ที่นายประวิตรได้อุปการะ ให้ที่อยู่อาศัย ให้เงินเดือนทุกเดือนจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เมื่ออายุได้ ๘๘ ปี ) เมื่อนายโซ๊ยเค็ง ( แม่ ) รู้ว่าต้องไปผ่อนรถ จึงให้เงินก้อนหนึ่งไปชำระ โดยไม่ต้องผ่อนอีก ถือว่าเป็นเงินทุนก้อนแรกที่แม่มอบให้


นายประวิตรได้พบกับนางสาวขนิษฐ จากการนำเที่ยวของกลุ่มเพื่อน ๆ ของนายประวิตร ปีละครั้ง จึงได้รู้จักกันในฐานเพื่อนประมาณสามปี และชอบพอกันในเวลาต่อมา อีก ๔ ปี จึงแต่งงานกัน ช่วงเวลา ๔ ปีนั้น นายประวิตรเริ่มคิดจริงจังต่อการทำธุรกิจของตนเอง โดยได้ติดต่อเป็นเอเย่นต์ค้าก๊าซหุงต้ม Sungas ที่หน้าตลาดทรัพย์สิน และขึ้นป้ายยี่ห้อ “ประวิตรแก๊ส” ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ นับเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจค้าก๊าซ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา



คุณประวิตรเล่าว่า “ก่อนจะได้ Sungas มา ได้ไปติดต่อแก๊สยี่ห้อ Shell, Esso, Caltex ปรากฏว่ามีตัวแทนในจังหวัดชลบุรีแล้วทั้งนั้น บริษัทไม่สามารถเปิดเอเย่นต์ซ้อนได้อีก โชคดีที่ไปพบแก๊สยี่ห้อใหม่โดยบังเอิญ เจ้าของบริษัทคือ คุณสิริชัย สโรบล ที่คุณประวิตรเคยกล่าวว่า บุคคลท่านนี้มีบุญคุณ เพราะเป็นผู้ให้โอกาส จนทำให้เกิดตำนาน “เวิลด์แก๊ส” ที่จะกล่าวในโอกาสต่อไป


นอกจากจะทำก๊าซหุงต้มแล้ว นายประวิตรยังได้ไปเช่าโรงงานมันสำปะหลังอัดเม็ดที่เนินเต็ง เป็นโรงงานไม้เก่า ๆ เพื่ออัดมันเม็ดไปส่งในกรุงเทพฯ โดยที่ตัวเองไม่มีความรู้เกี่ยวกับมันสำปะหลังเลยแม้แต่นิดเดียว แต่อยากจะทำ จึงไปขอดูวิธีการผลิต ที่โรงงานของ คุณศักด์ชัย ชุติสุนทรากุล ซึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกันมาก่อน โดยใช้เวลากลางวันออกติดต่อลูกค้าผู้ใช้แก๊สตามบ้านด้วยตนเอง เวลากลางคืน ก็ไปดูงานที่โรงงานอัดเม็ด ช่วงนั้นให้นายสมคิด เวศรานุรักษ์ เลิกจากขับรถ มาคุมโรงงานแทน มันสำปะหลังอัดเม็ดนี้ต้องนำเข้าไปส่งให้แก่พ่อค้าคนกลางในกรุงเทพเป็นระยะ ๆ และต้องตามไปเก็บเงินด้วยตนเอง ขณะนั้น นายสันติ วิรานุวัตร ได้มาช่วยงานเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงที่สำคัญ





ด้วยความอดทนอย่างมากต่อการเปิดตลาดแก๊สหุงต้ม Sungas เนื่องจากเป็นยี่ห้อที่ยังไม่มีใครรู้จัก นายประวิตรจึงใช้วิธีบุกตลาด ด้วยการนำไปให้ลูกค้าทดลองใช้ถึงบ้าน ทั้งแก๊สและเตาเป็นเวลา ๗ วัน โดยยังไม่เก็บเงิน ถ้าลูกค้าไม่พอใจก็จะรับคืน ผลปรากฏว่าลูกค้าก็พอใจที่จะใช้ต่อเกือบทุกราย ขายได้ไม่นานก็เกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นครั้งที่สอง ใกล้กับโกดังเก็บถังแก๊ส ( ต้นเพลิงเกิดจากผู้อื่น ) ทำให้หมดทุน แต่เจ้าของบริษัท Sungas ให้ความช่วยเหลือ โดยพักชำระหนี้ไว้ก่อน แล้วนำแก๊สมาให้จำหน่ายเพิ่มใหม่ เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนต่อไป อีกทั้งยังได้ให้นายประวิตรเป็นตัวแทนภาคตะวันออก ในการนำภาพยนตร์อินเดียเรื่อง “ซีต้าร์ กีต้าร์” มาฉายตามโรงภาพยนตร์ ซึ่งได้กำไรพองาม ส่วนเรื่อง “พรานเพชญฆาต” ปรากฏว่าขาดทุนยับเงินเพราะมาชนกับเรื่อง “ทอง”


ด้วยบริการที่ดี และ ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ทำให้ตลาด Sungas ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด ก็ติดตลาดและสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายได้มากที่สุดในจังหวัดชลบุรี


นายประวิตร ได้สมรส เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ มีบุตรสาวคนแรก ได้ ๖ เดือน ก็เกิดไฟไห้มอีกเป็นครั้งที่สาม ต้นเพลิงเกิดจากห้องแถวไม้ ห่างจากบ้านพ่อแม่ เพียงแค่ ๓ ห้อง เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้แทบไม่เหลืออะไรเลย แต่ยังนับว่าเป็นบุญ ที่ไม่มีใครได้รับอันตราย การประสบอัคคีภัยถึง ๓ ครั้ง ทำให้อาชีพของนายเง็กเกียต้องเลิกไปตั้งแต่บัดนั้น นายประวิตรเริ่มต้นใหม่ด้วยการมาลงทุนเซ็งห้องที่ติดกับห้องที่ไฟไห้มไป รวมเป็น ๒ ห้อง สร้างเป็นอาคารพาณิชย์ ๓ ชั้น ใช้ชื่อว่า “หจก.ประวิตรแก๊ส”


ในยุคนั้น จังหวัดชลบุรี เป็นพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกมันสำปะหลังมากที่สุด เมื่อนำมาอัดเป็นมันเม็ดส่งพ่อค้าคนกลาง มักจะถูกพ่อค้าคนกลางเอารัดเอาเปรียบในการรับซื้อ เมื่อมันอัดเม็ดถูกบรรจุในกระสอบขึ้นสิบล้อไปส่งในกรุงเทพฯ พ่อค้าใช้วิธีโกงน้ำหนักด้วยการชั่งเพียงไม่กี่กระสอบแล้วคูณเฉลี่ยน้ำหนักทั้งคันรถเพื่อคิดเงินให้ นายประวิตรเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ไม่ยอมวิธีการค้าแบบนี้ จึงได้รวมตัวกับพ่อค้าอีกหลายคนในจังหวัดชลบุรี ประท้วงจนสำเร็จ และกลุ่มพ่อค้าชลบุรีได้ร่วมกันจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ใช้ชื่อว่า บริษัท ชลบุรีผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย จำกัด และจดสมาคมอีกหนึ่งสมาคม ใช้ชื่อว่า สมาคมโรงงานผลิตมันสำปะหลังไทย โดยมีนายภิรมย์ เนื่องจำนงค์ เป็นนายกสมาคม และนายประวิตร เป็นเลขาธิการสมาคม นายประวิตรเป็นผู้มีบทบาทในการต่อสู้มาตลอด ทำให้มีประสบการณ์มากขึ้น ต่อมาได้ร่วมทุนกับเพื่อนผู้ค้ามันสำปะหลัง ๔ คน ใช้ชื่อว่า บริษัท เอ็น.เอส.พี.ไทยทาพิโอกา จำกัด มีนายประวิตร เป็นประธานบริษัท นับเป็นการเริ่มต้นทำธุรกิจส่งออกเป็นครั้งแรกด้วยเงินทุนไม่มากนัก ช่วงนั้นทุกคนต้องหมุนหาเงินกันอย่างหนัก ส่วนทางบ้านก็มีภรรยา และน้อง ๆ ช่วยดูแลกิจการแก๊ส




สมัยนั้นตลาดแก๊สยังไม่แพร่หลายเหมือนปัจจุบัน ประเทศไทยมีโรงกลั่นคือ ซัมมิท เอสโซ่ ไทยออยล์ เชลล์ บริษัทซันแก๊ส ต้องไปซื้อแก๊สจากโรงกลั่นขอบริษัทเชลล์ ความพยายามของผู้ค้าแก๊สระดับโรงกลั่นต้องการให้รัฐขึ้นราคา แต่ไม่สามารถทำได้ จึงปล่อยให้แก๊สขาดตลาด Sungas ประสบปัญหาเนื่องจากไม่มีโรงกลั่นเป็นของตนเอง จึงโดนภาวะบีบคันจากบริษัทเชลล์ ด้วยการลดโควต้าแก๊ส เพราะรัฐไม่ยอมให้ปรับราคาขึ้น ประวิตรแก๊ส ซึ่งเป็นเอเยนต์ ต้องได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการถูกตัดโควต้า บางครั้งบริษัทซันแก๊สไม่มีแก๊สให้นานถึงสิบเอ็ดวัน ในขณะที่ยอดจำหน่ายของประวิตรแก๊สมากที่สุดในจังหวัดชลบุรีแต่ไม่มีแก๊สขาย นายประวิตร ต้องดิ้นรนอีก โดยยอมซื้อแก๊สจากบริษัทอื่น ที่ยังพอมีให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ในราคาที่แพงมาก เพื่อมาประทังให้แก่ลูกค้าตามบ้านจะได้ไม่เสียลูกค้า



คราวนั้นนายประวิตรต้องลงทุนสร้างโรงงานบรรจุแก๊สแห่งแรกในจังหวัดชลบุรี ( บริเวณโครงการหมู่บ้านจัดสรร World Villa ในปัจจุบัน ) เพื่อนำแก๊สที่ซื้อในราคาโรงงานอุตสาหกรรมเป็นรถบัลค์มาบรรจุเป็นถังหุงต้ม แล้วส่งให้ลูกค้า นับเป็นความเดือดร้อนแสนสาหัสหลายครั้งหลายคราว แต่ด้วยความอดทนของทุกคนในครอบครัว จึงช่วยกันประคับประคองมา จนในที่สุดเมื่อถูกกดดันจากภาวะขาดแคลนแก๊ส บริษัท ซันแก๊ส กับผู้ค้ารายอื่น จึงได้นำแก๊สจากต่างประเทศเข้ามา ในนาม บริษัท ซีเปโทร จำกัด โดยมีนายประวิตรเป็นผู้ถือหุ้นรายเล็ก นายประวิตรเริ่มมีความคิดเป็นเจ้าของ Brand Name แก๊สของตนเอง จึงได้ไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ในกลุ่มธุรกิจพลังงาน คำว่า WORLD ไว้เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๒ พร้อมกับลงทุนซื้อที่ดิน สร้างโรงบรรจุแห่งที่สอง ในกรุงเทพฯ บริเวณถนนบางนา - ตราด ใช้ชื่อบริษัทผู้ค้าแก๊ส คือ บริษัท เวิลด์แก๊ส จำกัด พร้อมสั่งถังแก๊ส ยี่ห้อ “World Gas” มาบรรจุ เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง การนำเข้าในยุคนั้น บริษัท ซีเปโทร ยังไม่มีคลังเก็บแก๊ส ต้องนำเรือไปเทียบท่าของทหารเรือสัตหีบ แล้วใช้รถแก๊สไปบรรทุกมาบรรจุตามโรงบรรจุ การนำเข้าเป็นไปได้ระยะหนึ่ง หุ้นส่วนใหญ่เกิดปัญหาภายในซีเปโทร นายประวิตรขอถอนตัวออกจากการเป็นหุ้นส่วนเป็นคนแรก แต่ก็ยังซื้อแก๊สจากซีเปโทร สุดท้ายบริษัท ซีเปโทร ก็ล้มเลิกไปในที่สุด





ในปี พ.ศ.๒๕๒๕ หลังจากที่ภาวะการณ์ในตลาดแก๊สคลายความตรึงเครียดลง นายประวิตรได้ซื้อที่ดินผืนใหญ่ติดแม่น้ำบางปะกง ในนาม บริษัท ปฐวีเทอร์มินัล จำกัด มีเนื้อที่ ๖๐ ไร่เศษ พร้อมโกดังสินค้ามันสำปะหลัง ๔ หลัง เพื่อเป็นที่เก็บ สินค้ามันสำปะหลังสำหรับส่งออก ได้ลงทุนสร้างท่าเทียบเรือ คลังเก็บแก๊ส และมีเรือแก๊สครั้งแรก ๑ ลำ เพื่อนำแก๊สจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยด้วยตนเอง บริษัท เวิลด์แก๊ส จำกัด ได้รับอนุญาตเป็น ผู้ค้ามาตรา ๖ จากกรมทะเบียนการค้ากระทรวงพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นใบอนุญาตที่สำคัญมากที่สุดในยุคนั้น และจะมีเพียงไม่กี่รายในประเทศไทย เนื่องจากมีข้อบังคับว่า จะต้องมีทุนจดทะเบียนบริษัท ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ล้านบาท และจะต้องมีคลังเก็บแก๊สสำรองตามกฏหมาย ปริมาณค้าต้องไม่น้อยกว่าปีละ ๑๐๐,๐๐๐ ตัน บริษัท จึงดำเนินการตามข้อกำหนดของผู้ค้ามาตรา ๖ โดยสร้างคลังให้แล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๒๖ จากนั้นก็เริ่มขยายฐานจากชลบุรี ซึ่งเป็นฐานสำคัญของ เวิลด์แก๊ส ในภาคตะวันออก สู่ส่วนกลาง และต่อไปยังภาคอื่น ๆ ของประเทศไทย การค้าในระดับผู้ค้ามาตรา ๖ เป็นการต่อสู้ที่เข้มข้นมาก นอกจากจะต้องลงทุนอย่างหนักแล้ว ยังต้องต่อสู้เพื่อช่วงชิงความเป็นเจ้าของตลาดกันอีก สุดท้ายมีหลายบริษัทที่ถูกถอนใบอนุญาตไปเนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามข้อกำหนด เวิลด์แก๊สเป็นหนึ่งในบริษัทที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ นายประวิตรเร่งธุรกิจแก๊สนำเข้า ( Import ) และ มันสำปะหลังส่งออก ( Export ) ควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง จนมียอดค้าระดับพันล้าน ในเวลาไม่นานนัก ปี พ.ศ. ๑๕๒๘ นายประวิตรได้ลงทุนสร้างคลังน้ำมันขนาดบรรจุประมาณ ๑๗ ล้านลิตร และซื้อเรือน้ำมันอีก ๒ ลำ เพื่อนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ แล้วใช้วิธีการขยายตลาดน้ำมัน โดยมุ่งเจาะลูกค้าภาคตะวันออกเป็นหลัก การค้าน้ำมันเป็นไปอย่างราบรื่นเพียง ๖ - ๗ ปี ก็ต้องประสบปัญหา โดนน้ำมันเถื่อนเข้ามาตีตลาด ทำให้ต้องขาดทุน เพราะมีต้นทุนที่สูงกว่า จึงเลิกค้าไปในที่สุด แต่สำหรับธุรกิจแก๊ส ยังคงขยายฐานไปอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยการสร้างโรงบรรจุอีกหลายสิบแห่ง ตามจังหวัดต่าง ๆ แต่การค้าแก๊สของประเทศไทย ไม่เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน เพราะราคาประเทศอื่น ๆ สูงกว่า ในขณะที่ประเทศไทย ต้องขายต่อกว่าราคาทุน แล้วรอให้รัฐบาลชดเชยเป็นเวลายาวนาน มีค่าการตลาดต่ำมาก ทำให้ผู้ลงทุนหลายราย ไม่ประสบความสำเร็จ และยอมให้กระทรวงพาณิชย์ถอนใบอนุญาตไป










ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้มีบริษัทผู้ค้าแก๊สรายใหญ่ จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ชื่อบริษัท SHV Energy ( ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับบริษัท Makro ผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องอุปโภค-บริโภครายใหญ่ในเมืองไทย ) สนใจการลงทุนธุรกิจแก๊สหุงต้มในประเทศไทย จึงได้ศึกษาความเป็นไปได้ และได้เลือกที่จะร่วมทุนกับนายประวิตร เนื่องจากเห็นว่ามีคลังเก็บแก๊สและโรงบรรจุที่สร้างในที่ดินของตนเอง บริษัท SHV ได้เชิญไปดูงานหลายประเทศในแถบยุโรปเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการร่วมทุน



ในวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙ ได้มีการจดทะเบียนร่วมทุนระหว่าง นายประวิตร วิรานุวัตร และ SHV Energy โดยใช้ชื่อว่า บริษัท เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ World Gas (Thailand) Co., Ltd. โดยมีนายประวิตร ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท ส่วนการบริหารงานนั้นดำเนินการโดยผู้ร่วมทุนและทำตลาดแก๊สภายในประเทศ สำหรับบริษัท เวิลด์แก๊ส จำกัด ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น บริษัท เวิลด์แอล.พี.จี.กรุ๊ป จำกัด หรือ World L.P.G. Group Co., Ltd. และทำการค้าแก๊สส่งออกไปต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียคือ สิงคโปร์ เขมร เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน เกาหลี ประเทศจีน และประเทศอินเดีย









เมื่อเส้นทางการทำธุรกิจเปลี่ยนรูปโฉมไปในลักษณะของการค้าระหว่างประเทศเสียส่วนใหญ่ นายประวิตรจึงลงทุนขยายกองเรือ สำหรับขนส่งระหว่างประเทศมากขึ้น ส่วนเรือที่วิ่งในประเทศ ขนส่งให้ ป.ต.ท. เป็นหลัก จึงนับได้ว่า นายประวิตรเป็นผู้สร้างให้คนมีรายได้ มีงานทำตลอดมา นายประวิตรมีนโยบายบริการกองเรือให้ได้มาตรฐานสากล เนื่องจากเป็นเรือขนส่งระหว่างประเทศ บริษัท เวิลด์ไวด์ทรานสปอร์ต จำกัด ( World Wide Transport Co., Ltd. ) จึงเป็นบริษัทหนึ่งในเครือ เวิลด์กรุ๊ป เป็นผู้บริหารกองเรือ และได้รับใบรับรองระบบการบริหารความปลอดภัยสากล ISM ( International Safety Management ) โดย Class NK ( Nippon Kaiji Kyokai ), Japan และ ได้รับรองมาตรฐานสากล ISO 9001 2000 โดย Lloyd’s Register



ธุรกิจใดที่ทำให้เกิดความเสียดายและไม่คุ้มต่อการลงทุน ก็ตัดสินใจเลิกไป ส่วนบริษัท เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด กลุ่ม SHV Energy เห็นว่านโยบายของรัฐบาลไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการกำหนดราคา จึงตัดสินใจขายกิจการให้ บริษัท ปิคนิค คอปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจไป


ตลอดระยะเวลาเกือบ ๕๐ ปี ที่นายประวิตร ได้ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ สติปัญญา ในการสร้างธุรกิจด้วยความสามารถของตนเอง หากการจะได้มาซึ่งความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจนั้น อาจมิใช่การได้มาด้วยสติปัญญา หรือความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการยึดมั่นอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม


(บันทึกไว้เมื่อประมาณปี ค.ศ. 2006)








649 views1 comment

Recent Posts

See All
bottom of page